หน้านี้ได้รับการแปลโดย Cloud Translation API

เริ่มต้นใช้งาน Firebase Crashlytics

บทแนะนำฉบับย่อนี้จะอธิบายวิธีตั้งค่า Firebase Crashlytics ในแอปด้วย Firebase Crashlytics SDK เพื่อให้คุณได้รับรายงานข้อขัดข้องที่ครอบคลุมในคอนโซล Firebase

การตั้งค่า Crashlytics ต้องใช้ทั้งงานในคอนโซล Firebase และ IDE (เช่น การเพิ่มไฟล์การกําหนดค่า Firebase และ Crashlytics SDK) ในการตั้งค่าให้เสร็จสิ้น คุณจะต้องบังคับให้มีข้อขัดข้องจากการทดสอบเพื่อส่ง ไปยัง Firebase

ก่อนเริ่มต้น

เพิ่ม Firebase ลงในโปรเจ็กต์ Apple หากยังไม่ได้ดำเนินการ หากไม่มีแอป Apple คุณสามารถดาวน์โหลดแอปตัวอย่าง
แนะนํา: หากต้องการรับบันทึกเบรดครัมบ์โดยอัตโนมัติเพื่อทำความเข้าใจการดําเนินการของผู้ใช้ที่ทําให้เกิดข้อขัดข้อง เหตุการณ์ที่ไม่ใช่ข้อขัดข้องร้ายแรง หรือ ANR คุณจะต้องเปิดใช้ Google Analytics ในโปรเจ็กต์ Firebase
- หากโปรเจ็กต์ Firebase ที่มีอยู่ไม่มี Google Analytics เปิดใช้อยู่ คุณสามารถเปิดใช้ Google Analytics ได้จาก แท็บการผสานรวมของ การตั้งค่าโปรเจ็กต์ ในคอนโซล Firebase
- หากจะสร้างโปรเจ็กต์ Firebase ใหม่ ให้เปิดใช้ Google Analytics ในระหว่างขั้นตอนการสร้างโปรเจ็กต์
โปรดทราบว่าบันทึกเบรดครัมบ์พร้อมใช้งานสำหรับแพลตฟอร์ม Apple ทั้งหมดที่ Crashlytics รองรับ ยกเว้น watchOS

ขั้นตอนที่ 1: เพิ่ม SDK ของ Crashlytics ลงในแอป

ใช้ Swift Package Manager เพื่อติดตั้งและจัดการทรัพยากร Dependency ของ Firebase

เปิดโปรเจ็กต์แอปใน Xcode แล้วไปที่ไฟล์ > เพิ่มแพ็กเกจ
เมื่อได้รับข้อความแจ้ง ให้เพิ่มที่เก็บ Firebase SDK สำหรับแพลตฟอร์ม Apple ดังนี้

  https://github.com/firebase/firebase-ios-sdk.git

เลือกคลัง Crashlytics
หากต้องการใช้ประโยชน์จากบันทึกเบรดครัมบ์ ให้เพิ่ม Firebase SDK สําหรับ Google Analytics ลงในแอปด้วย ตรวจสอบว่าได้เปิดใช้ Google Analytics ในโปรเจ็กต์ Firebase แล้ว
เพิ่มแฟล็ก -ObjC ลงในส่วนแฟล็ก Linker อื่นๆ ของการตั้งค่าบิลด์ของเป้าหมาย
(macOS เท่านั้น) ใน Info.plist ให้เพิ่มคีย์ NSApplicationCrashOnExceptions แล้วตั้งค่าเป็น YES
เมื่อเสร็จแล้ว Xcode จะเริ่มจับคู่ข้อมูลและดาวน์โหลดทรัพยากร Dependency ในเบื้องหลังโดยอัตโนมัติ

ถัดไป ให้กําหนดค่าโมดูล Firebase โดยทำดังนี้

นำเข้าโมดูล Firebase ในโครงสร้าง App หรือ UIApplicationDelegate ดังนี้
Swift
```
import Firebase
```
Objective-C
```
@import Firebase;
```
กำหนดค่าFirebaseAppอินสแตนซ์ที่แชร์ โดยปกติแล้วจะเป็นในเมธอด application(_:didFinishLaunchingWithOptions:) ของตัวแทนแอป
Swift
```
// Use the Firebase library to configure APIs.
FirebaseApp.configure()
```
Objective-C
```
// Use the Firebase library to configure APIs.
[FIRApp configure];
```

ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่า Xcode ให้อัปโหลดไฟล์ dSYM โดยอัตโนมัติ

Crashlytics ต้องใช้ไฟล์สัญลักษณ์การแก้ไขข้อบกพร่อง (dSYM) ของโปรเจ็กต์ในการสร้างรายงานข้อขัดข้องที่มนุษย์อ่านได้ ขั้นตอนต่อไปนี้อธิบายวิธีกำหนดค่า Xcode ให้สร้าง dSYM, ประมวลผล และอัปโหลดไฟล์โดยอัตโนมัติทุกครั้งที่คุณสร้างแอป

เปิดพื้นที่ทำงาน Xcode ของโปรเจ็กต์ แล้วเลือกไฟล์โปรเจ็กต์ใน ตัวนำทางด้านซ้าย
จากรายการเป้าหมาย ให้เลือกเป้าหมายบิลด์หลัก
คลิกแท็บการตั้งค่าการสร้าง แล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อให้ Xcode สร้าง dSYM สำหรับบิลด์
1. คลิกทั้งหมด แล้วค้นหา debug information format
2. ตั้งค่ารูปแบบข้อมูลการแก้ไขข้อบกพร่องเป็น DWARF with dSYM File สำหรับประเภทบิลด์ทั้งหมด
คลิกแท็บสร้างระยะ จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อให้ Xcode สามารถประมวลผล dSYM และอัปโหลดไฟล์
1. คลิก > ระยะการเรียกใช้สคริปต์ใหม่
  
  ตรวจสอบว่าระยะเรียกใช้สคริปต์ใหม่นี้เป็นระยะการสร้างล่าสุดของโปรเจ็กต์ มิเช่นนั้น Crashlytics จะประมวลผล dSYM อย่างไม่ถูกต้อง
2. ขยายส่วนเรียกใช้สคริปต์ใหม่
  
  หมายเหตุ: สำหรับขั้นตอนย่อยที่เหลือ ให้คัดลอกและวางเส้นทางตามที่ระบุไว้ แล้ว Xcode จะแก้ไขให้ อย่างไรก็ตาม หากพบปัญหาเกี่ยวกับ Xcode ในการแก้ไขเส้นทางเหล่านี้หรือโครงสร้างโปรเจ็กต์ที่ไม่ซ้ำกัน คุณสามารถระบุเส้นทางด้วยตนเองแทนได้
3. ในช่องสคริปต์ (ใต้ป้ายกำกับ Shell) ให้เพิ่มสคริปต์เรียกใช้ต่อไปนี้
  
  สคริปต์นี้จะประมวลผลไฟล์ dSYM ของโครงการและอัปโหลดไฟล์ไปยัง Crashlytics
```
"${BUILD_DIR%/Build/*}/SourcePackages/checkouts/firebase-ios-sdk/Crashlytics/run"
```
4. ในส่วนไฟล์อินพุต ให้เพิ่มเส้นทางสำหรับตำแหน่งของ ไฟล์ต่อไปนี้:
```
${DWARF_DSYM_FOLDER_PATH}/${DWARF_DSYM_FILE_NAME}
```
```
${DWARF_DSYM_FOLDER_PATH}/${DWARF_DSYM_FILE_NAME}/Contents/Resources/DWARF/${PRODUCT_NAME}
```
```
${DWARF_DSYM_FOLDER_PATH}/${DWARF_DSYM_FILE_NAME}/Contents/Info.plist
```
```
$(TARGET_BUILD_DIR)/$(UNLOCALIZED_RESOURCES_FOLDER_PATH)/GoogleService-Info.plist
```
```
$(TARGET_BUILD_DIR)/$(EXECUTABLE_PATH)
```
  ทําความเข้าใจสาเหตุตําแหน่งของไฟล์เหล่านี้ จำเป็น
  
  Xcode จะค้นหาไฟล์อินพุตเหล่านี้ในตำแหน่งที่ระบุไว้เพื่อให้แน่ใจว่า ว่าไฟล์บิลด์พร้อมใช้งานสำหรับสคริปต์การเรียกใช้ นอกจากนี้ หากเปิดใช้แซนด์บ็อกซ์สคริปต์ของผู้ใช้ Xcode จะอนุญาตให้สคริปต์ที่เรียกใช้ได้เข้าถึงเฉพาะไฟล์ที่ระบุไว้ในไฟล์อินพุตเท่านั้น
  - การให้ตำแหน่งของไฟล์ dSYM ของโปรเจ็กต์จะช่วยให้ Crashlytics ประมวลผล dSYM ได้
  - การระบุตำแหน่งแอปที่สร้างขึ้น GoogleService-Info.plist ไฟล์จะช่วยให้ Crashlytics สามารถเชื่อมโยง dSYM กับ แอป Firebase
  - การระบุตำแหน่งที่เรียกใช้ได้ของแอปจะช่วยให้การเรียกใช้ เพื่อป้องกันการอัปโหลด dSYM เดียวกันซ้ำ โปรดทราบว่า ไบนารีของแอปไม่ได้อัปโหลด

ดูข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับไฟล์ dSYM และ Crashlytics (รวมถึงวิธีอัปโหลดไฟล์ dSYM ด้วยตนเอง) ได้ที่ดูรายงานข้อขัดข้องที่ถอดรหัสแล้ว

ขั้นตอนที่ 3: บังคับให้ทดสอบข้อขัดข้องเพื่อตั้งค่าให้เสร็จสิ้น

หากต้องการตั้งค่า Crashlytics ให้เสร็จสิ้นและดูข้อมูลเริ่มต้นในแดชบอร์ด Crashlytics ของคอนโซล Firebase คุณต้องบังคับให้เกิดการทดสอบข้อขัดข้อง

เพิ่มโค้ดลงในแอปของคุณที่ใช้บังคับให้การทดสอบขัดข้องได้

คุณสามารถใช้โค้ดต่อไปนี้เพื่อเพิ่มปุ่มลงในแอป ซึ่ง หากกด จะเป็นการเกิดข้อขัดข้อง ปุ่มนี้ติดป้ายกำกับว่า "ทดสอบข้อขัดข้อง"

SwiftUI

Button("Crash") {
  fatalError("Crash was triggered")
}

ชุดเครื่องมือ UI

Swift

import UIKit

class ViewController: UIViewController {
  override func viewDidLoad() {
      super.viewDidLoad()

      // Do any additional setup after loading the view, typically from a nib.

      let button = UIButton(type: .roundedRect)
      button.frame = CGRect(x: 20, y: 50, width: 100, height: 30)
      button.setTitle("Test Crash", for: [])
      button.addTarget(self, action: #selector(self.crashButtonTapped(_:)), for: .touchUpInside)
      view.addSubview(button)
  }

  @IBAction func crashButtonTapped(_ sender: AnyObject) {
      let numbers = [0]
      let _ = numbers[1]
  }
}

Objective-C

#import "ViewController.h"

@implementation ViewController
‐ (void)viewDidLoad {
    [super viewDidLoad];

    // Do any additional setup after loading the view, typically from a nib.

    UIButton* button = [UIButton buttonWithType:UIButtonTypeRoundedRect];
    button.frame = CGRectMake(20, 50, 100, 30);
    [button setTitle:@"Test Crash" forState:UIControlStateNormal];
    [button addTarget:self action:@selector(crashButtonTapped:)
        forControlEvents:UIControlEventTouchUpInside];
    [self.view addSubview:button];
}

‐ (IBAction)crashButtonTapped:(id)sender {
    @[][1];
}

@end

สร้างและเรียกใช้แอปใน Xcode โดยยกเลิกการเชื่อมต่อโปรแกรมแก้ไขข้อบกพร่อง Xcode

โปรแกรมแก้ไขข้อบกพร่อง Xcode ป้องกันรายงานข้อขัดข้อง ไม่ให้ส่งไปที่ Crashlytics ทําตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อยกเลิกการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทดสอบหรือเครื่องจำลองจากโปรแกรมแก้ไขข้อบกพร่อง Xcodeก่อนบังคับให้เกิดความขัดข้อง
1. คลิก สร้าง จากนั้น เรียกใช้สคีมปัจจุบันเพื่อสร้างแอปในอุปกรณ์ทดสอบ หรือ เครื่องมือจำลอง
2. รอจนกว่าแอปจะทำงาน แล้วคลิก หยุดเรียกใช้รูปแบบหรือ การดำเนินการเพื่อปิดอินสแตนซ์เริ่มต้นของแอป ชื่อย่อนี้ มีโปรแกรมแก้ไขข้อบกพร่องที่รบกวน Crashlytics
บังคับให้เกิดการขัดข้องในการทดสอบเพื่อส่งรายงานข้อขัดข้องแรกของแอป
1. เปิดแอปจากหน้าจอหลักของอุปกรณ์ทดสอบหรือเครื่องจำลอง
2. ในแอป ให้กด "ทดสอบข้อขัดข้อง" ที่คุณเพิ่มโดยใช้โค้ด ที่ด้านบน
3. หลังจากแอปขัดข้อง ให้เรียกใช้แอปอีกครั้งจาก Xcode เพื่อให้แอปส่งรายงานข้อขัดข้องไปยัง Firebase ได้
ไปที่หน้าแดชบอร์ด Crashlytics ของ Firebase เพื่อดูข้อขัดข้องในการทดสอบ

หากรีเฟรชคอนโซลแล้ว แต่ยังไม่เห็นข้อขัดข้องจากการทดสอบ หลังจากผ่านไป 5 นาที เปิดใช้การบันทึกการแก้ไขข้อบกพร่อง เพื่อดูว่าแอปของคุณส่งรายงานข้อขัดข้องหรือไม่

เท่านี้ก็เรียบร้อย ตอนนี้ Crashlytics กำลังตรวจสอบแอปของคุณเพื่อหาข้อขัดข้อง ไปที่หน้าแดชบอร์ด Crashlytics เพื่อดูและตรวจสอบรายงานและสถิติทั้งหมด

ขั้นตอนถัดไป

ปรับแต่งการตั้งค่ารายงานข้อขัดข้องโดยเพิ่มการรายงานแบบเลือกใช้ บันทึก คีย์ และการติดตามข้อผิดพลาดที่ไม่ร้ายแรง